ตอนที่2.การเลือกศูนย์จัดส่งพี่เลี้ยง#สำหรับคุณพ่อ คุณแม่มือใหม่ ที่กำลังปวดหัวเรื่องการว่าจ้างพี่เลี้ยง หาพี่เลี้ยงแบบไหนไม่ให้ถูกโกง จ้างพี่เลี้ยงแบบไหนให้เขาอยู่ได้นาน เชิญทางนี้ค้า

ตอนที่2.การเลือกศูนย์จัดส่งพี่เลี้ยง
2.1ควรเลือกศูนย์ที่เปิดมานาน โดยดูจากการจดทะเบียนบริษัทฯ ทุนประกันสูงหน่อยเช่นเกิน 1ล้านบาทขึ้นไป เพราะค่าความรับผิดชอบก็จะสูงไปด้วย และหลังจากที่ได้รับใบจดทะเบียนหนังสือรับรองบริษัทฯ ควรเช็คกับกระทรวงพาณิชย์ด้วยว่า การจดทะเบียนนี้ยังคงดำเนินการ ส่งงบ ตามปกติ ไม่ได้มีการปิดไปแล้ว
2.2ไม่ควรเลือกศูนย์ที่มีการเปลี่ยนชื่อ ไม่ว่าศูนย์จะให้เหตุผลใด ๆ ก็ตาม เพราะการเปลี่ยนชื่อนั้นเราสามารถสมมุติฐานได้ว่า เคยมีการถูกฟ้องร้อง หรือ เคบทำผิดอะไรมาก่อนรึเปล่าจึงเปลี่ยนชื่อ
2.3สำหรับ
Ling Ling เองนะค่ะ จะไม่เลือกศูนย์ที่โฆษณาผ่านทาง Google Adwords เนื่องจากจากประสบการณ์ที่ใช้มา พี่เลี้ยงจากศูยน์ที่โฆษณา Google Adwords จะเรื่องเยอะ โน่นไม่ได้ นี่ไม่ได้ ไม่ทำงานบ้าน ไม่ซักเสื้อผ้า ฯลฯ เพราะศูนย์เหล่านี้จะมีลูกค้าหรือ บรรดาพวกแม่ ๆ โทรเข้าไปที่ศูนย์เยอะเพราะเป็นโฆษณาที่เห็นได้ชัด และศูนย์ก็มักจะบอกพี่เลร้ยงอยู่แล้วว่า ถ้าไม่ไหวก็ไม่เป็นไร เดี๋ยวจะเปลี่ยน Case งานให้ใหม่ ดังนั้นพี่เลี้ยงก็จะไม่ทน พี่เลี้ยงบางคนมาวันแรกก็บอกเลยว่า ต้องกลับไปทำนา ทั้ง ๆ ที่ตอนสัมภาษณ์กันทางโทรศัพท์บอกว่าเพิ่งกลับมาจากต่างจังหวัด พักพอแล้ว ต้องการทำงาน จะอยู่จนน้องเข้าโรงเรียน หรือ พี่เลี้ยงบางประเภทจะรอรับเงินเดือนก่อนแล้วก็จะบอกเหตุผลอะไรก็ได้หลังจากที่รับเงินเดือน เช่น พ่อ แม่ เสีย ทั้ง ๆ ที่พี่เลี้ยงบางคนลืมไปแล้วกระมังว่าตอนที่สัมภาษณ์ได้ถามแล้วว่าพ่อแม่สบายดี แข็งแรงรึเปล่า คุณพี่เลี้ยงก็ตอบว่า “พ่อแม่หนูเสียไปแล้วค่ะ” พอเราสอบถามไปก็บอกว่า อ๋อ อันนี้พ่อเลี้ยงเสียค่ะ เราก็งงกับคนประเภทนี้ เฮ้อ มีพ่อกี่คนกันแน่
2.4ควรเลือกศูนย์ที่มีที่ตั้งในการเข้าถึงไม่ลำบากมากนัก ใจกลางเมืองได้ยิ่งดี เนื่องจากว่าโอกาสของการปิดหนีจะน้อยกว่า พวกศูนย์ที่ตั้งอยู่ไกล ๆ และเราก็คงจะไม่ถ่อเข้าไปถึงศูนย์ เพื่อไปตามทวงเงินที่ไม่เยอะมาก จริงมั๊ยค่ะ
2.5ศูนย์จะต้องมีเบอร์โทรศัพท์ออฟฟิศให้ติดต่อ เพื่อที่เราจะสามารถเช็คได้อยู่นิดนึงว่ามีที่ตั้งที่แน่นอน ควรหลีกเลี่ยงอย่างยิ่งสำหรับงศูนย์ไม่มีเบอร์ออฟฟิศมีแต่เบอร์มือถือ
2.6ควรเลือกศูนย์ที่เมื่อเราโทรเข้าไปแล้วมีพนักงานอยู่ที่ศูนย์เลย ให้เราสามารถได้คุยสัมภาษณ์ได้ทันที ทั้งนี้เนื่องจากการที่ศูนย์มีพี่เลี้ยงอยู่ที่ศูนย์เลย นั่นหมายถึง ศูนย์นั้นมีที่พักพิงให้กับพี่เลี้ยง และพี่เลี้ยงก็มีการมารองาน มีความตั้งใจที่จะทำงาน ถึงมารองาน และควรหลีกเลี่ยงสำหรับศูนย์ที่โทรเข้าไปแล้วศูนย์บอกว่า เดี๋ยวโทรตามเด็กให้ เด็กเก่าของศูนย์จบ
Case แล้ว แต่กลับบ้านไปทำธุระ กำลังจะขึ้นมาจากต่างจังหวัด เดี๋ยวจะโทรไปตาม เด็กคนนี้อยู่กับศูนย์มานานแล้ว ทำงานกับศูนย์มาหลาย Case แล้ว (การตอบของศูนย์แบบนี้จะเจอบ่อยมาก) แต่จะให้อภัยได้นะ ถ้าเราถามเขาไปแล้วศูนย์ตอบได้ทันทีว่า พี่เลี้ยงคนที่จบCase นี้ชื่ออะไร เป็นคนที่ไหน ผิวคล้ำหรือขาว อ้วนหรือผอม สูงหรือเตี้ย แต่บางครั้งพอเราถามไป ทำอ้ำอึ้ง ชื่อก็ไม่รู้ ผอม สูง อะไรยังไงก็ไม่รู้ แล้วจะมาบอกว่าเป็นเด็กเก่าของศูนย์ จะให้เชื่อได้ยังไง การที่ศูนย์ตอบแบบนี้ก็เพราะว่า ศูนย์ยังไม่มีพี่เลี้ยงที่รองานอยู่ใน List เลย จะต้องโทรไปตามคนที่รูจัก หรือ เพื่อนของพี่เลี้ยง หรือ ใครก็ตามว่า มีงานเข้า มีใครอยากทำงานบ้าง เงินเดือนดี กินอยู่พร้อม เงินที่รับจากนายจ้างนี้ก็คือเงินเก็บที่Netเลย จะไปทำเก็บเงินเดือน หรือ 2 เดือนก็ได้แล้วแต่เด็กเลย เอาเป็นว่าทำงานสั้นแค่ไหนก็ได้ คือ ศูนย์ต้องการส่งคนเพื่อเอาเงินมัดจำเป็นเงินเดือนเดือนสุดท้ายของพี่เลี้ยงจากนายจ้างมาเป็นมัดจำ บวกกับค่ารถหรือที่เรียกว่าค่าส่งตัวพนักงานครั้งละ 500-1,000 บาท โดยศูนย์จะบอกว่า ค่าส่งตัวนี้จะจ่ายเพียงครั้งเดียวเมื่อเปิดสัญญาใหม่ ถ้าเด็กอยู่ไม่ได้หรือน่ยจ้างต้องการเปลี่ยนพนักงาน ก็จะส่งตัวพนักงานให้ฟรี ไม่คิดค่าส่งตัวแล้ว แต่จากประสบการณ์ที่ Ling เจอหลังจากที่พนักงานต้องการลาออกแล้ว ศูนย์จะแจ้งว่าตอนนี้พนักงานขาด เงินที่เรามัดจำไปก็จะคืนให้ภายใน 30 วัน (อ้างตามสัญญา) พอถึง 30 วัน แล้วก็ปิดมือถือบ้าง บอกว่าโอนไปแล้วบ้าง (แต่จริง ๆ ยังไม่ได้โอน) หรือ ปิดศูนย์หนีไปเลย บรรดาแม่ ๆ หรือ นายจ้างก็ต้องไปหาศูนย์ใหม่เจอขั้นตอนขบวนการแบบนี้ใหม่ จ่ายมัดจำใหม่ จ่ายค่าส่งตัวพนักงานใหม่ เนื่องจากจะต้องทำงานและไม่มีคนดูลูกน้อย

ความคิดเห็น